กราฟิกบนผืนผ้า อัตลักษณ์แห่งชาติพันธุ์ม้งบ้านเข็กน้อย
- otopphet
- 4 ม.ค. 2565
- ยาว 2 นาที

กติยามเมื่อเราท่องเที่ยวไปตามดอยสูงในภาคเหนือ จะพบกลุ่มคนเหล่านี้บนดอยสูง สวมใส่กระโปรงจีบบานพร้อมเสื้อที่มีลายปักต่างๆ อย่างงดงาม แต่เราไม่เคยรู้เลยว่า ตัวกะโปรงนั้นมีงานศิลปะชนิดหนึ่งซ่อนอยู่ นั่นก็คือ “ผ้าเขียนเทียน”
ผ้าชนิดนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นผ้าบาติกม้ง (Hmong Batik) ในสมัยก่อนจะใช้ผ้าที่ทำจากใยกัญชง มาทอเป็นผืน กว้างประมาณ 1 ฟุต ยาว 3 หลา พอว่างจากงานสวนไร่นา หญิงสาวชาวม้งจะใช้ปากกาเขียนขี้ผึ้ง ซึ่งทำด้วยไม้ยาวพันปากด้วยทองแดง หรือทองเหลือง ตัดเป็นรูปสามเหลี่ยมใช้ด้านแหลมพันกับปลายไม้ ด้านป้านใช้จุ่มกับน้ำเทียน และใช้วิธีเขียนลายลงบนผืนผ้า จากนั้นจึงนำไปย้อมห้อม จนได้สีน้ำเงินครามเข้ม จากนั้นจึงนำมาต้มเพื่อให้น้ำเทียนละลายออกจนปรากฏลวดลายกราฟิกสีขาวบนพื้นสีน้ำเงิน
เมื่อเสร็จแล้วจะนำมาจับจีบทำเป็นกระโปรง ซึ่งตัวหนึ่งๆ อาจใช้เวลาหลายเดือน ก่อนจะกลายเป็นกระโปรงตัวใหม่เพื่อสวมใส่

ผ้าทอใยกัญชงคืออะไร
กัญชง หรือ Hemp เป็นต้นไม้ที่มีคุณสมบัติพิเศษจากเส้นใยของมัน เป็นเส้นใยที่มีคุณภาพสูงเหมาะกับการนำไปประยุกต์เป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย เช่น เครื่องนุ่งห่ม กระเป๋า รองเท้า ผ้าห่ม ผ้าคลุมไหล่ ตุ๊กตา และอื่นๆอีกมากมาย ด้วยคุณสมบัติที่เหนียวทนทาน ไม่อับชื้น ปราศจากเชื้อราและแบคทีเรีย ที่สำคัญป้องกันรังสียูวีโดยธรรมชาติ แถมยังทนความร้อนได้สูงถึง 170 องศาเซลเซียสโดยไม่มีส่วนผสมของสารเคมีแต่อย่างใด
ในเชิงวัฒนธรรม การปลูกต้นกัญชงนับเป็นประเพณีและวิถีชีวิตที่อยู่คู่กับชาวม้งตั้งแต่เกิดจนสิ้นอายุขัย ชาวม้งมักนำเส้นใยกัญชงมาทอเป็นเครื่องนุ่งห่มในชีวิตประจำวัน หรือทำเป็นรองเท้าไว้ใช้ยามเดินทางในป่าเพื่ออพยพย้ายถิ่นฐาน เนื่องจากสามารถป้องกันสัตว์มีพิษกัดต่อยได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้ ชาวม้งจึงทำการปลูกต้นกัญชงเพื่อนำเส้นใยมาใช้ประโยชน์เป็นประจำทุกๆ ปี นอกจากนี้ผ้าทอใยกัญชงยังเปรียบเสมือนทองคำที่พ่อแม่มอบให้กับลูกสาวไว้ติดตัวไปตอนออกเรือน และเมื่อถึงอายุ 40 ปี ชาวม้งจะมีการเตรียมชุดที่ทอจากใยกัญชงไว้ใส่ในพิธีกรรมตอนเสียชีวิต ซึ่งธรรมเนียมดังกล่าวก็ยังคงมีการปฏิบัติสืบกันมาจนถึงทุกวันนี้

เทศกาลปีใหม่ม้ง เป็นงานที่มีการจัดขึ้น ในเดือนธันวาคม ของทุกๆปี ปีนี้ ภายในงาน ก็จะมีการแสดงศิลปะ วัฒนธรรม ภาษา และกิจกรรมอื่นๆ ที่สืบทอดต่อกันมา ให้นักท่องเที่ยวได้ชม และยังมี ร้านค้า ร้านขายของฝาก ร้านอาหาร และอื่นๆอีกมากมาย ให้ร่วมสนุก

นอกจากเทศกาลต่างๆ ของชาวม้งที่ยังคงอนุรักษ์ไว้แล้ว “ผ้าปักม้ง” ก็ยังเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของชาวม้ง เป็นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของชาวม้ง สำหรับใช้ในช่วงเวลาที่สำคัญของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้น จนถึงเวลาสุดท้ายของชีวิต

เขียนลาย ใส่กราฟิก ให้ผ้ามีชีวิตและสีสัน
ความสามารถในการจับคู่สี ที่เรียกได้ว่าส่งตรงทางดีเอ็นเอ นิยมใช้สีแดงเป็นสีหลักในงานปักเพื่อสร้างความโดดเด่น แล้วจึงจับคู่สีตามความชอบ เดินฝีเข็มปักด้วยลายเรขาคณิตหลากหลายรูปทรง ลักษณะนี้เป็นเช่นเดียวกันกับงานเขียนเทียน ลวดลายต่างๆ ล้วนได้รับการสืบทอดในครอบครัว จนเป็นอัตลักษณ์ประจำชาติพันธุ์อย่างชัดเจน
การเขียนเทียน เป็นศิลปะการสร้างลวดลายบนผืนผ้าเป็นเอกลักษณ์อีกแบบหนึ่งของชาวม้งที่มีการทํากันในกลุ่มม้งลายเท่านั้น เป็นภูมิปัญญาและศิลปะโบราณดั้งเดิมที่เป็นมรดกตกทอดมาแต่บรรพบุรุษถ่ายทอดสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นหลายชั่วอายุคนจนถึงปัจจุบัน ผ้าเขียนเทียนเป็นผ้าที่ชนเผ่าม้งผูกพันธ์คู่มากับความเป็นชนเผ่า ผู้หญิงชาวม้งลายทุกคนมีความสามารถในการวาดลวดลาย เขยนเทียนลงบนผืนผ้าที่ตระเตรียมไว้ได้อย่างละเอียดซับซ้อน ผ่านกระบวนการจนเสร็จสิ้นเป็นผืนผ้าสําเร็จที่สวยงาม ผ้าม้งเขียนเทียนจึงเป็นที่รู้จักและนิยมกันอย่างแพร่หลาย สวนใหญ่นิยมนามาใช้ตัดเย็บเป็นกระโปรงผู้หญิง ในอดีตผู้หญิงชาวม้งจะบรรจงวาดลวดลาย เขียนเทียน แล้วนําไปย้อมสีและอัดกลีบแล้วจึงนําไปตัดเย็บ กว่าจะผ่านกระบวนการจนแล้วเสร็จเป็นกระโปรง 1 ตัว อาจต้องใช้เวลาในการทํายาวนานถึงเกือบ 1 ปีเพื่อให้ได้กระโปรงที่หญิงสาวชาวม้งจะใช้สวมใสที่สวยงามที่สุด

เสื้อผ้าม้งมีความพิถีพิถันและองค์ประกอบมากมายหลายอย่าง โดยเฉพาะกระโปรงจีบรอบตัว ต้องผ่านขั้นตอนหลายกระบวนการกว่าจะได้มาหนึ่งชิ้น เริ่มจากเขียนลายแบบวิธีดั้งเดิม ด้วยอุปกรณ์ “หลาเจี๊ย” หรือ ปากกาเขียนเทียน จุ่มน้ำเทียนร้อนๆ ขึ้นลวดลายเรขาคณิตบนผ้าใยกัญชงโดยไม่มีการร่างแบบ เพราะเส้นสายลายต่าง ๆ อยู่ในความคิดความชำนาญของผู้ทำมาหลายทศวรรษ ปัจจุบันบ้านม้งเข็กน้อยมีผู้สืบสานงานเขียนเทียนแบบนี้เพียงสิบคน ควบคู่กับการใช้แม่พิมพ์ปั๊มเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว สำหรับคนที่ยังไม่ชำนาญ



หากแต่การเขียนด้วยมือนั้นก็ยังมีความละเอียดกว่าอยู่มาก หลังจากเขียนต้องย้อมคราม นำมาผึ่งในร่มห้ามโดนแดดเพราะจะทำให้เทียนละลาย ทำซ้ำแบบนี้เกือบสิบน้ำ จนได้ความเข้มของสีที่ต้องการ จึงนำไปต้มให้เทียนสลาย ตากให้แห้งแล้วตกแต่งด้วยการปักผ้าสี หรือด้ายสีลงทับลายที่เว้นไว้ ขั้นตอนสุดท้ายคือ พับผ้าถี่ ๆ เพื่ออัดกลีบ โดยเอาด้ายเย็บแล้วปล่อยทิ้งไว้จนจีบอยู่ตัว
ลูกเล่นในการสร้างสรรค์งานผ้ามีหลายแบบ ปักด้ายไขว้แบบครอสติช ปักลายดอกเย้าเครื่องหมายบวก ปะสอยเป็นลายเรขาคณิต หรือการตัดผ้าสีมาปะบนผ้าเขียนเทียน ลวดลายโบราณซึ่งสืบทอดมักมาจากสิ่งรอบตัวที่พบเห็น อาทิ ลายตาวัว (ขอมัวงู่) ลายเท้าช้าง (กือเตอชือ) ลายก้นหอย (ก๊ากื้อ) ลายดอกเหรียญ (ป้าเจีย) ลายตีนหนู (แน้งหน่า) และลายอักษรม้ง (เด๋อม้ง) ฯลฯ ภูมิปัญญาเหล่านี้แม้ไม่มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ว่ามีมานานเพียงใดใครเป็นผู้คิดค้น เป็นงานกราฟิกซึ่งยังอยู่ยั้งร่วมสมัย ทำให้ผ้าม้งไม่มีวันเชย

ม้งขาวจัดเจนงานปัก
ม้งดำสันทัดงานเขียนเทียน
ชุมชนม้งเข็กน้อยจะแบ่งออกเป็นม้งขาวและม้งดำ กลมกลืนและอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว สิ่งบ่งชี้ข้อแตกต่างคือ การแต่งกายและฝีมือการทำผ้า ชายม้งดำจะแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาว ชายเสื้อระดับเอว เป้ากางเกงหย่อนต่ำลงมา มีผ้าสีแดงปักลายที่ชายผ้าพันทับกางเกงแล้วคาดเข็มขัดทับ ผู้หญิงมักนุ่งกระโปรงใยกัญชงจีบรอบตัวสีดำหรือย้อมคราม มีลวดลายปักและเขียนเทียน มีผ้าเหลี่ยมผืนยาวปักลวดลายปิดทับรอยผ่าของกระโปรง
ผู้ชายม้งขาวสวมเสื้อกำมะหยี่แขนยาว กางเกงขาก๊วยหรือกางเกงจีนเป้าตื้น มีลวดลายน้อย หญิงสาวนิยมสวมเสื้อกำมะหยี่สีดำแขนยาว มีลายปักละเอียดซ่อนอยู่ใต้ปกเสื้อด้านหลัง เดิมจะสวมกระโปรงผ้าใยกัญชงสีขาวล้วน แต่เพราะเปื้อนง่ายจึงหันมาใส่กางเกงทรงจีนแทน

ในด้านฝีมืองานผ้า ม้งขาวจะมีความละเอียดด้านการปักกว่าม้งดำที่ถนัดงานเขียนเทียน เรื่องเล่าสนุกๆ ในหมู่ชาวม้งเข็กน้อย ถึงการที่ม้งขาวต้องซ่อนลายปักไว้ใต้ปกเสื้อ นั่นก็เพราะไม่อยากให้ม้งดำลอกเลียนแบบลาย แต่ม้งดำก็เกทับว่าม้งขาวไม่สามารถเขียนเทียนได้แบบตน เป็นเรื่องหยอกกันไปเย้ากันมา เติมสีสันในลานหน้าบ้าน ที่ทั้งม้งขาวและม้งดำต่างมานั่งปักผ้าและเขียนเทียนร่วมกัน

“ผ้าปักม้ง” มีเอกลักษณ์โดดเด่นอยู่ที่ลายปักหลากสีสันด้วยเส้นด้ายสีต่างๆ ใช้เทคนิคการปักไขว้กันบนผืนผ้าคล้ายกับการปักครอสติส ต่อเรียงกันเป็นรูปทรงต่างๆ ตามจินตนาการและความทรงจำที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ลายที่ได้รับความนิยมคือ ลายดอกจับมือ, ลายดอกเหรียญ, ลายดอกพวง, ลายก้นหอย, ลายดอกไม้, ลายใบเฟิร์น, และลวดลายที่เกิดจากการใช้เทคนิคการปะสอยผ้าสีต่างๆ ซ้อนๆ กันเป็นลวดลาย ซึ่งเป็นวิธีการดั้งเดิมของชาวม้ง นอกจากการปักลวดลายด้วยเส้นด้าย เครื่องแต่งกายชาวม้งยังใช้เทคนิคการเขียนเทียนบนผืนผ้า ร่วมกับการย้อมสีคราม เป็นอีกหนึ่งงานเขียนที่ปราณีตและมีขั้นตอนซับซ้อน เริ่มจากการร่างตารางบนผืนผ้าเพื่อเป็นเส้นอ้างอิง และเขียนลวดลายด้วยสัดส่วนที่เท่าๆ กัน เขียนด้วยเทียนขี้ผึ้ง ก่อนจะนำไปย้อมสีครามจากธรรมชาติ และนำผ้าไปต้มน้ำร้อนให้เทียนขี้ผึ้งที่เขียนไว้ละลายออกไป คงเหลือไว้แต่ลวดลายสีขาวที่ไม่ถูกย้อมสี คล้ายกับเทคนิคการเขียนลายผ้าบาติค
การถ่ายทอดที่หล่อหลอมด้วยสังคม
ผ้าม้งเก่าเก็บลายโบราณดั้งเดิม มักเป็นมรดกตกทอดในวงศ์ตระกูล ปัจจุบันหาได้น้อยตามครัวเรือน แต่ในชุมชนบ้านเข็กน้อย ก็ยังมี “พิพิธภัณฑ์ผ้าปักม้ง” ของ อาจารย์เยาวลักษณ์ ชาววิวัฒน์ ครูเกษียณที่สะสมผ้าโบราณและเปิดให้คนในชุมชนหรือนักท่องเที่ยวได้ชม พร้อมเล่าประวัติความเป็นมาของผ้าแต่ละผืน โดยผืนเก่าแก่ที่สุดในพิพิธภัณฑ์มีอายุถึง ๒๐๐ ปี

การส่งต่อฝีมืองานผ้า มักเป็นแบบครูพักลักจำมากกว่าเรียนรู้แบบอาจารย์สอนลูกศิษย์ การถ่ายทอดภูมิปัญญายังบ่งบอกถึงความสัมพันธ์อันดีของคนในชุมชน ที่มักมานั่งรวมกันแลกเปลี่ยน สอนหรือช่วยทำงานผ้า จากแม่สู่ลูก ยายสู่หลาน เพื่อนสู่เพื่อน กลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่โดดเด่นและสำคัญที่สุดของชาวม้ง การแต่งกายด้วยรูปแบบอันเป็นหนึ่งเดียว ยังเปรียบเสมือนศูนย์รวมจิตใจ สะท้อนแง่งามของชาติพันธุ์ ให้คนรุ่นหลังภูมิใจในตัวตน รักษาอัตลักษณ์ของบรรพบุรุษให้คงอยู่ต่อไป

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเส้นทางการท่องเที่ยวในจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ได้สัมผัสทั้งประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และวิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวม้ง ผู้ที่สนใจสามารถเดินทางตามเส้นทางนี้ หรือจะแวะเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในเพชรบูรณ์เพิ่มเติมก็น่าสนุกไม่น้อย
นอกจากจะมีงานผ้าให้ชม พิพิธภัณฑ์ผ้าปักม้งให้ศึกษาแล้ว วิถีชุมชนบ้านม้งเข็กน้อย ยังมีเรื่องราวน่าสนใจให้เที่ยวชม อย่างแปลงเพาะกล้าผักท้ายหมู่บ้านของ “สัจชัย ทรงสวัสดิ์วงศ์” เรียนรู้นวัตกรรมทางการเกษตรแบบง่ายๆ แต่ได้ผลผลิตดีเกินคาด หรือจะไปชิมแมคคาเดเมียที่ส่งตรงจากเขาค้อมาแปรรูปที่หมู่บ้าน ให้ซื้อชิมหรือติดไม้ติดมือเป็นของฝาก หากต้องการสัมผัสวิถีวัฒนธรรมอย่างเข้าถึง ควรมาให้ตรงช่วงเวลาสำคัญของชุมชน ทั้งประเพณีกินข้าวใหม่ งานปีใหม่ม้ง สอบถามก่อนมาเที่ยวชมชุมชนได้ที่
อบต.เข็กน้อย โทร. 056-925-576
กลุ่มผ้าปักและผ้าเขียนเทียน โทร. 062-295-7545






ความคิดเห็น